ว่าด้วยเลนส์ OM System 20mm F1.4 Pro

เลนส์ OM System 20mm F 1.4 Pro เป็นเลนส์ตัวแรกที่ผลิตในนาม OM System ซึ่งอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวห้วต่อการเปลี่ยนผ่านจากยี่ห้อ Olympus เป็o OM System เลนส์รุ่นนี้เปิดตัวเมื่อปลายปี 2021 ข้อเขียนนี้ไม่ใช่การรีวิวเลนส์ตัวนี้แต่อย่างใด เพราะเลนส์มันออกมานาน 3 ปี แล้ว จะมารีวิวอะไรกันตอนนี้ และผมเองก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญที่จะมารีวิวเลนส์ แต่เป็นการคุยกันเบาๆ เกี่ยวกับเลนส์ตัวนี้ ซึ่งเป็นความคิดเห็นส่วนตัว พร้อมแสดงภาพประกอบที่ผมได้ถ่ายขึ้นมาเท่านั้น

ระยะของเลนส์ตัวนี้ หากเทียบกับเลนส์ Full frame ก็คือ 40mm จะว่าเป็นเลนส์มุมกว้าง มันก็กว้างไม่เท่าไหร่ จะว่ามุมแคบมันก็ไม่ได้แคบเท่าไหร่เช่นกัน เอาเป็นว่ามันเป็นเลนส์ที่ใช้งานได้หลากหลายก็แล้วกัน ไม่ว่าถ่ายภาพแบบ Street Photography หรือ Document Photography หรือ Cityscape ถ่าย Landscape ถ่าย Nature ถ่ายอาหาร หรือแม้แต่ถ่ายภาพ Portrait ก็ทำได้เช่นกัน แม้ว่าจะไม่ได้ดีเท่าเลนส์ที่ระยะโฟกัส 45mm หรือ 75mm ก็ตาม เนื่องจากเป็นเลนส์ที่มีลักษณะออกมุมกว้างมากไปสักนิดในการถ่ายภาพ Portrait จึงทำให้ถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอไม่ได้ไม่มาก เว้นแต่จะถ่ายเข้าใกล้ตัวแบบในระดับครึ่งตัว โดยเลนส์ตัวนี้สามารถโฟกัสใกล้สุด 25 ซม. ก็เกือบๆ 1 ฟุต

เลนส์ OM System 20mm F 1.4 Pro มีขนาดไม่ได้ใหญ่โตแบบรุ่น 17mm F1.2 Pro หรือ 25mm F1.2 Pro แม้จะเป็นเลนส์เกรด Pro เหมือนกัน เป็นเลนส์ Weather sealing เหมือนกันก็ตาม แต่ผลิตขึ้นมาในขนาดที่เล็กกว่า เพราะเป็นรูรับแสงที่ 1.4 และไม่ได้มี Manual focus clutch แบบเลนส์รุ่น 1.2 ที่อ้างถึง การไม่มี MF clutch ไม่น่าส่งผลอะไรมากนักสำหรับการถ่ายภาพนิ่ง แต่น่าจะส่งผลต่อการถ่ายวิดีโอในระดับหนึ่งแน่นอน โดยเฉพาะคนที่ถ่ายวิดีโอโดยใช้โหมด Manual การที่เขาไม่ได้ใส่ MF clutch เข้ามา ก็เป็นเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ขนาดและน้ำหนักของเลนส์น้อยลง รวมถึงชิ้นเลนส์ที่น้อยลงด้วย ถือว่าเป็นเลนส์โปรของ OM System/Olympus ที่เล็กที่สุด โดยเลนส์มีน้ำหนัก 247 กรัม ใช้ฟิลเตอร์ขนาด 58mm ซึ่งเป็นฟิลเตอร์ขนาดเดียวกับเลนส์ Olympus 12-45mm F4 Pro

ผมได้ใช้เวลาในบ่ายวันอาทิตย์ที่การจราจรในกรุงเทพไม่หนาแน่นไปถ่ายภาพ โดยเลือกสถานที่ถ่ายบริเวณท่าเตียน วัดโพธิ์ บริเวณโดยรอบรอบนอกของพระบรมมหาราชวัง ในลักษณะ Lone photo walk เห็นอะไรน่าสนใจก็ถ่ายไปเรื่อยในขณะที่เดินอยู่คนเดียว ซึ่งภาพที่ผมชอบมาก คือ ภาพพระปรางค์วัดอรุณฯ ที่เป็นภาพ Title ซึ่งมีเศษไม้ ซากท่าเทียบเรือเก่า และวัชพืช เป็น Foreground ภาพนี้เป็นภาพเดียวที่ผมใข้ Live GND ในกล้อง OM-1 เข้ามาช่วยลดความสว่างของท้องฟ้า เนื่องจากช่วงนั้นเป็นเวลาบ่าย 3 โมงกว่าแล้ว ดวงอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลงในทิศตะวันตกที่พระปรางค์ตั้งอยู่ ความจริงภาพนี้มันสว่างไปนิดหนึ่ง แม้ผมจะหรี่ค่า F ไปที่ 7.1 แล้วก็ตาม แต่ลืมปรับค่าชดเชยแสงให้ลดลงจาก +0.7 เนื่องจากก่อนหน้านั้นได้ถ่ายภาพด้านล่าง ซึ่งเป็นภาพในร่ม ตั้งค่า F5 ซึ่งผมดูว่ามันก็ชัดแบบขอบชนขอบอยู่นะ ไม่ได้ถ่ายภาพอาหาร ถ่ายขวดไวน์เปล่าก็เอา

ภาพทุกภาพที่ถ่ายในข้อเขียนนี้ ถ่ายเป็น RAW หมดครับ Process ใน DxO Photolap  มีการปรับแสงเล็กน้อยมาก โดยใช้แค่ฟังก์ชั่น DxO Smart Lighting แบบ Uniform คือ ปรับให้แสงสม่ำเสมอทั้งภาพ ไม่แน้นจุดใดจุดหนึ่ง ส่วนสีปรับใข้ DxO camera profile (OM Digital Solutions OM-1 Mark II) เสร็จแล้ว export ภาพให้เล็กลงในขนาดที่เหมาะสมกับการแสงภาพในเว็บ ไม่มีการ process อะไรอื่นอีก ไม่ว่า Local Adjustment, Crop, WB, HSL, Sharpen, Noise Reduction อะไรทั้งนั้น จริงๆ เดิมผมตั้งใจจะแสดงเฉพาะภาพ JPG ที่จบจากหลังกล้องเท่านั้น คือเป็น SOOC (Straight Out Of Camera) แต่ก่อนหน้าที่จะมาถ่ายภาพชุดนี้ ดันตั้ง Aspect Ratio ของภาพ เป็น 3:2 แทนที่จะปรับกลับมาเป็น 4:3 เพื่อให้ได้ Resolution ตาม Sensor ของกล้องแบบเต็มๆ  นี่แหละครับ คนเราพอแก่แล้ว ลืมนั่นลืมนี่ตลอด กล้วว่าสักวันหนึ่ง พอขับรถกลับบ้าน จะหาทางกลังบ้านไม่ถูกสักวัน

ภาพนี้อีกภาพที่เป็นคนมาซื้อของว่างกินระหว่างทางเดินไปท่าเตียน เดิมตั้งใจจะเข้าไปถ่ายภาพให้ใกล้กว่านี้สัก 2-3 เมตร แต่เห็นว่าระยะนี้สามารถเก็บภาพกว้างๆ ของบรรยากาศรอบๆ Main subject และที่สำคัญกลัวโดนด่าว่า มาถ่ายหาอะไร ภาพนี้ใช้ ISO 200 F3.2 Shutter speed 1/640

ภาพต่อไป เป็นภาพคนกำลังเก็บมะพร้าวอ่อนที่นักท่องเที่ยวกินหรือดื่มน้ำหมด แล้วนำมาวางไว้ที่ตู้ไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง ซึ่งมีภาพจากพระบรมมหาราชวังมาติดไว้ที่ตู้ดังกล่าว เป็นภาพที่ผมชอบมากเช่นกัน การตั้งค่าก็เช่นเดียวกันกับภาพที่ผ่านมา คือ ISO200 F3.2 Shutter speed 1/640 

ภาพข้างล่างก็เป็นภาพท่าเรือท่าเตียน นักท่องเที่ยวผู้โดยสารขึ้นเรือที่ท่าเตียนหลังกลับจากวัดอรุณฯ ภาพนี้ปรับค่าชดเชยแสง +0.7 ซึ่งผมเห็นว่าก็ดีแล้ว เพราะหากไม่ปรับค่าชดเชยแสง ภาพคนที่กำลังเดินอยู่ใต้หลังคาของท่าเรือจะดูมืดไปนิด  

สิ่งหนึ่งที่ผมชอบกล้อง OM-1 ประการหนึ่ง คือ เมื่อเรากดปุ่ม AEL หลังกล้อง นอกเหนือจากการล็อกค่าชดเชยแสงไว้แล้ว ค่า ISO ค่า F ค่า Shutter speed ก็จะถูกล็อกไว้ด้วยเช่นกัน โดยจะมีตัวอักษร AEL สีเขียวแสดงไว้ด้านล่างซ้ายของจอภาพ การล็อกค่าจะถูกยกเลิก เมื่อเรากดปุ่ม AEL ซ้ำ หรือไม่ก็เปลี่ยนโหมดการถ่ายภาพไป ซึ่งโหมดการถ่ายภาพที่รองรับการล็อก AEL คือ โหมด P โหมด A และโหมด S

จากถนนมหาราชผมเดินทะลุผ่านกุฏิพระวัดโพธิ์เพื่อจะออกไปยังถนนสนามไชย กุฏิพระดูดีมากครับจากภายนอก มีเส้นนำสายตา (Leading lines) ไปสู่ทางออกฝั่งถนนสนามไชย จึงอดไม่ได้จะถ่ายภาพไว้

เมื่อไปถึงสนามไชยเห็นกระรอกอยู่ที่โคนต้นไม้ กะจะเข้าไปถ่ายรูปใกล้ กระรอกก็วิ่งขึ้นต้นไม้ เข้าไปใกล้อีกมันก็ยิ่งวิ่งขึ้นสูงไปอีก เป็นอันว่าเลนส์ตัวนี้หากจะใช้ถ่ายรูปสัตว์ ก็คงได้แค่สัตว์เลี้ยงที่ยอมให้เราเข้าถ่ายใกล้ๆ ได้ และภาพนี้ดูให้ดีจะเห็นว่าตรงมุมซ้ายด้านบนภาพจะเห็น Chromatic aberration ชัดเจน หรือภาพมีขอบม่วง สาเหตุหลักเกิดจาก Color distortion ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา แม้ว่าตัวชิ้นเลนส์ประกอบด้วย ED glass และเลนส์ aspherical จะช่วยลด Chromatic aberration หรือ Purple fringing แล้วก็ตาม ปกติโดยทั่วไปแล้วแล้วเราสามารถแก้ไขได้ไม่ยากนักใน Post processing อย่างไรก็ดี โปรดอ่านให้ถึงตอนสุดท้ายของข้อเขียนนี้นะครับ ผมจะเล่าถึง Chromatic aberration ที่มันดูเหมือนจะเป็นปัญหาของเลนส์ตัวนี้อยู่พอตัวเลย

ตรงสวนสราญรมย์มีรั้วกั้นระหว่างสวนสราญรมย์กับสนามไชย ที่หัวรั้วมีเหล็กหล่อรูปทรงกลม เมื่อไม่มีนางแบบก็เอาหัวรั้วนี่แหละครับ สมมุติว่าเป็นหน้านางแบบ เพื่อทดสอบการถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ และลักษณะของโบเก้ ซึ่งผมว่าก็ดูดีนะสำหรับหลังเบลอ ซึ่งผมตั้งค่า F1.4 ISO320 และ Shutter speed 1/400

ถ้ดจากสวนสราญรมย์ ก็เป็นพระราชวังสราญรมย์ สถานที่ที่ผมเคยทำงานเมื่อนานมามากแล้ว ซึ่งสมัยนั้นมีอาคาร 4 ชั้นสร้างไว้ด้านหลังพระราชวัง ซึ่งได้ถูกทุบทิ้งไปแล้ว จึงเหลือแต่ตัวพระราชวังล้วนๆ ผมเห็นว่าเลนส์ตัวนี้ก็ถือว่าถ่ายสถาปัตยกรรมได้โอเคเลยครับ

เมื่อเดินผ่านหน้าพระบรมมหาราชวัง ก็ถือโอกาสถ่ายภาพดอกไม้ในกระถาง ก็อย่างที่เขียนไว้ในตอนต้นว่า เลนส์ตัวนี้สามารถโฟกัสใกล้สุด 25 ซม. ก็เป็นระยะที่ถ่ายมานี่แหละครับ ใช้ค่า F1.4 เพื่อให้หลังเบลอมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

อีกภาพนะ ก่อนจะสิ้นสุดการเดินถ่ายภาพ ภาพนี้ถ่ายจากท่าช้าง เพื่อให้ดูระยะการถ่ายภาพโรงเรียนสตรีวัดระฆัง ซึ่งอยู่ทางด้านฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ระยะมันไกลเกินไปสำหรับเลนส์ 20mm ภาพนี้ควรลาก Shutter speed ให้ต่ำกว่านี้ เพื่อให้ท้องน้ำมันดู Smooth กว่านี้ เป็นอย่างนี้ทุกทีสิเราเมื่อกลับมาดูภาพในคอมพิวเตอร์

เอาหละครับ อย่างที่ได้กล่าวไว้ในตอนกลางๆ เกี่ยวกับ Chromatic aberration ผมเคยดูช่องยูทูปต่างประเทศของช่างภาพอาชีพ ที่เขารีวิวเกี่ยวกับเลนส์ตัวนี้ อย่างเช่น Matti Sulanto จาก Finland หรือ Robin Wong จากมาเลเซีย ได้ complain เกี่ยวกับ Chromatic aberration ของเลนส์ตัวนี้ว่ามันช่างดูร้ายแรงในไม่สมกับฐานะที่เป็นเลนส์เกรดโปร ขณะที่ช่างภาพชาวโรมาเนีย คือ Tudor Mateescu ได้ยืนยันและทดลองให้เห็นว่า เลนส์ตัวนี้ไม่เห็นมีปัญหาเรื่อง Chromatic aberration แต่อย่างใด ทีนี้ ผมก็ได้ถ่ายภาพนี้ คือ เป็นการทดลองโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะเพิ่งมาเห็นจากจอคอมพิวเตอร์ภายหลัง ลองดูภาพด้านล่างของผมต่อไปนี้ว่ามันเป็นอย่างไร

พอจะเห็นไหมครับว่า ภาพมุมขวาด้านล่างๆ มันมี Chromatic aberration ถ้ายังเห็นไม่ชัด ผมขยายภาพในส่วนนี้ให้ดู 100% ก็แล้วกัน

Chromatic aberration ระดับนี้ ผมทดลองแก้ไขผ่านโปรแกรมหลายตัว มันแก้ไขได้ยาก เรียกว่าแก้ไขได้ไม่หมดจด ข้อสังเกตที่ช่างภาพ 2 คนแรก นั้น เป็นภาพที่เขาถ่ายท้องน้ำคล้ายๆแบบนี้แหละครับ โดย Robin Wong ถ่ายที่ท้องทะเลมีคลื่น กับ Matti Sulanto ถ่ายที่ท้องน้ำในสระที่มีคลื่นเล็กน้อย แต่มีแสงจากตะวันตกกระทบเยอะ ส่วนช่างภาพคนสุดท้าย Tudor Mateescu เขาถ่ายท้องน้ำนิ่งๆ ของสระในสวน ผมมีข้อสังเกตส่วนตัว (อาจจะผิดก็ได้นะ)ว่า ที่มันจะเกิด Chromatic aberration แบบนี้ได้ มันต้องมีการวางตำแหน่งของกล้องทำมุมกับทิศทางแสงสว่างที่จ้า ที่มัน Contrast กับผิวน้ำมากไป หรือเกิดการคลาดเคลื่อนของสีและแสงที่ส่องกระทบกับเกลียวคลื่น จนกระทั่งทำให้เกิดภาพแบบนี้ ถ้ามันเป็นภาพที่แสงสว่างน้อยและค่า F แคบลง มันอาจไม่เกิดเหมือนที่ช่างภาพคนสุดท้ายที่ผมกล่าวถึงไว้ อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่การรีวิวเลนส์ของผม จึงไม่ได้คิดทดลองหรือทดสอบอะไรจริงจัง เห็นอะไรน่าสนใจตรงหน้าก็ถ่ายไป ไม่ได้ทดสอบเรื่อง Distortion เรื่อง Flare และอะไรอีกหลายอย่าง เป็นเพียงแค่ข้อคิดเห็นและข้อพบเห็นบางประการเท่านั้น

สรุปว่า เลนส์ตัวนี้ในมุมมองส่วนตัวเหมาะที่สุดสำหรับถ่ายภาพแบบ Street หรือ Documentary ที่ผมชอบถ่ายภาพประเภทนี้อยู่แล้ว หรือจะใช้ถ่ายภาพอย่างอื่นก็ได้อยู่ แม้ผมมีเลนส์ 17mm  F1.8 และ 25mm F1.8 บางครั้งรู้สึกว่าเลนส์ 17mm ก็กว้างไป และเลนส์ 25mm ก็แคบไป ฉะนั้น เลนส์ 20mm F1.4 Pro ตัวนี้ ระยะอยู่ตรงกลางระหว่าง 17mm กับ 25mm จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผมได้ดี อีกอย่างมันเป็นเลนส์เกรด Pro วัสดุดูดีมาก กันละอองน้ำกันฝนกันฝุ่นด้วย มีความคมชัด โฟกัสไวจัด และมีขนาดเล็กกว่าเลนส์เกรดโปรตัวอื่นๆ แม้มีปัญหาเรื่อง Chromatic aberration ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ทำให้เลนส์ตัวนี้ด้อยค่าลงแต่อย่างใด โดยรวมแล้วมันมีจุดเด่นมากกว่าจุดด้อยอยู่ดี จึงเป็นเลนส์ที่ใช่และที่ชอบครับ