กล้อง Canon G5X Mark II ในปี 2566

เมื่อผมคิดจะซื้อกล้อง Compact ในปี 2566 ชั่งใจอยู่นานว่าจะซื้อดีหรือไม่ ในขณะที่กล้อง Compact รุ่นใหม่ในปี พ.ศ. นี้ มันแทบจะไม่มีการผลิตออกมาแล้ว เพราะตลาดโทรศัพท์มือถือมันเข้ามาครองตลาดแทน แถมกล้องที่ผมคิดจะซื้อ คือ Canon G5X Mark II มันผลิตมาตั้งแต่ปลายปี 2562 พร้อมกับรุ่น G7X Mark III ก็นานพอสมควรแล้ว และ Canon เองก็ยังไม่ได้ผลิตกล้อง Compact หลังจากออกกล้องทั้ง 2 รุ่นนี้ แต่ในที่สุดผมก็ตัดสินใจซื้อ ซึ่งเรื่องแบบนี้ก็แล้วแต่คนนะครับ ใครชอบก็ซื้อใช้ ใครไม่ชอบก็ไม่ซื้อ เป็นเรื่องของความต้องการส่วนบุคคลแท้ๆ ไม่มีถูกไม่มีผิด

 

ถ้าถามว่าทำไมไม่ใช้สมาร์ตโฟนหรือโทรศัพท์มือถือแทน ส่วนตัวผมมองว่าโทรศัพท์มือถือมันมีคุณสมบัติใช้สำหรับถ่ายรูปถ่ายวิดีโอได้ดี มันมี App ที่ใช้งานได้หลากหลายและจำเป็นอย่างยิ่งต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันในยุคปัจจุบัน แต่มันก็ไม่ใช่กล้องถ่ายรูปหรือถ่ายวิดีโอแท้ๆ ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือเขารู้ตลาดดีว่า ลูกค้ามีความต้องการใช้งานกล้องเป็นอย่างมาก ดังนั้น แต่ละยี่ห้อจึงมุ่งตีตลาดประสิทธิภาพของการถ่ายรูปเป็นหลัก เรียกว่าขาดไม่ได้ เพราะใส่ feature ต่างๆ เข้าไปสารพัด โดยเฉพาะการประมวลผลของระบบ software เรียกว่าก้าวหน้าไปกว่ากล้องถ่ายรูปแท้ๆ เสียอีก โดยเฉพาะกล้องถ่ายรูปประเภท Compact ได้รับผลกระทบเข้าไปเต็มๆ ทำให้ตลาดกล้อง Compact หดตัวลงไปมาก ปัจจุบันบริษัทกล้องแต่ละบริษัทก็ออกกล้อง Compact ในแต่ละปีน้อยมาก บางบริษัทก็หยุดออกรุ่นใหม่ๆ กันไปเป็นหลายปีแล้ว หรือว่ามันจะหมดยุคกล้อง Compact ไปเสียแล้ว แต่ผมคิดว่ามันไม่ถึงกับขนาดนั้นนะครับ แม้ตลาดกล้อง Compact จะหดตัวลงไปมาก แต่คนที่ยังอยากใช้กล้อง Compact ก็ยังมีอยู่แน่นอน แต่บริษัทผู้ผลิตเขาคิดแบบผู้ขาย ผลิตออกมาแล้วมันจะคุ้มค่าหรือไม่ในเมื่อตลาดเล็กลง 

 

เหตุผลหลักที่ผมเลือกซื้อกล้อง Compact ในปี 2566

– คุณภาพไฟล์ภาพ

กล้อง Compact ที่ผมเลือกมันจะมี Sensor ที่ใหญ่กว่า Sensor ของกล้องโทรศัพท์มือถือ ตามข้อเท็จจริงขนาด Sensor ที่ใหญ่ก็จะได้ไฟล์ภาพที่มีคุณภาพดีกว่า สามารถเก็บรายละเอียดของภาพได้ดีกว่า มี Dynamic Range ที่ดีกว่า ซึ่งกล้อง Compact ที่ดีขนาดนั้นจะต้องมีขนาด Sensor ที่ 1 นิ้ว ซึ่งปกติขนาด Sensor ของกล้องมือถือจะต่ำกว่า 1 นิ้ว อย่างไรก็ดี ปัจจุบันเริ่มมีกล้องมือถือบางรุ่นที่หันมาใช้ Sensor ขนาด 1 นิ้วกันบ้างแล้ว ต้องยอมรับว่าสิ่งหนึ่งที่กล้องมือถือเหนือกว่า คือ ระบบการประมวลผลของกล้องมือถือที่มีพลานุภาพสูงกว่ากล้อง Compact อย่างไรก็ดี แม้จะมีระบบการประมวลผลที่ดีกว่า แต่มันไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่จะทำให้กล้องโทรศัพท์มือถือเหนือกว่ากล้องถ่ายภาพ ไม่งั้นต้องมีช่างภาพอาชีพรับงานถ่ายภาพอีเวนท์ต่างๆ ด้วยโทรศัพท์มือถือกันแล้ว เช่น งานแต่งงาน งาน Pre-wedding งานรับปริญญา เป็นต้น

– Optical zoom

กล้อง Compact หลายๆตัวใช้ Optical zoom คือ การซูมด้วยเลนส์จริงๆ ไม่ใช่ Digital zoom แบบกล้องโทรศัพท์มือถือบางรุ่น ซึ่งซูมด้วยการ crop ภาพ ที่ถ่ายไว้แล้วนำมาขยายให้ดูใกล้ขึ้น ซึ่งจะทำให้คุณภาพของภาพลดลงหากเทียบกับ Optical zoom อย่างไรก็ดีโทรศัพท์มือถือก็มีการแก้ปัญหานี้ โดยใช้เลนส์หลายตัวในกล้องถ่ายภาพของโทรศัพท์มือถือในหลายระยะ เช่น เลนส์มุมกว้าง เลนส์เทเล เลนส์แม็คโคร เปรียบเหมือนการนำ Optical zoom มาใช้พร้อมกับการประมวลผลในการซูมภาพ ทั้งนี้ เพื่อแก้ปัญหาจุดอ่อนของ Digital zoom ได้ดีเช่นกัน 

– การควบคุมกล้องเมื่อถ่ายแบบ Manual

กล้อง Compact หลายๆ ยี่ห้อและรุ่นจะมีปุ่มหรือ Dial ปรับใช้กับการถ่ายแบบ Manual ได้ เช่น การปรับรูรับแสง ปรับชัตเตอร์สปิด และ ISO ซึ่งสะดวกต่อการใช้งานมากกว่าแทนที่จะคอยปรับด้วยการแตะหน้าจออย่างเดียวแบบกล้องโทรศัพท์มือถือ สำหรับผมมันเป็นการให้ความรู้สึกที่ดีกว่าในการใช้ถ่ายภาพ

ลักษณะทางกายภาพนำมาซึ่งความสะดวกในการใช้งาน

กล้องถ่ายภาพมีลักษณะทางกายภาพที่ทำให้การจับถือที่สะดวก บางรุ่นมี Grip ทำให้กับจับถือเข้ามือยิ่งนัก มีปุ่ม หรือ Dial ที่กดหรือหมุนปรับเปลี่ยนได้อย่างสะดวก บางรุ่นมี Viewfinder ช่วยทำให้ถ่ายรูปได้ง่ายในกลางแดดกลางแจ้ง สรุปว่า Ergonomics (แปลว่าการยศาสตร์’ ตามศัพท์บัญญัติของราชบัณฑิตยสถาน) คือ การออกแบบของกล้องถ่ายภาพ ทำให้เข้ามือสะดวกสบายต่อการจับถือและการใช้งาน แบบว่าไม่ต้องไปจับแบบใช้นิ้วคีบเหมือนปู

 

เมื่อผมตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะซื้อกล้อง Compact ก็ต้องเลือกว่าจะใช้ยี่ห้อใด รุ่นใด คุณสมบัติกว้างๆ คือ  Sensor 1 นิ้ว มี Grip จับถือกล้องสะดวก มี Viewfinder สามารถถ่ายวิดีโอ 4K ได้ และมีราคาที่รับได้ไม่แพงเกินไป ซึ่งมีอยู่ 3 ตัวเลือก คือ Canon G5X II Canon G7X III และ Sony RX100 VII

 

สุดท้ายก็เลือก Canon G5X II ที่ไม่เลือก Canon G7X III ซึ่งได้รับความนิยมมากกว่ารุ่นที่เลือก เพราะเห็นว่า Canon G7X III มันน่าจะเหมาะกับการทำ Vlog มากกว่า ซึ่งผมไม่ได้ทำ ผมเพียงแค่ผู้ชื่นชอบถ่ายภาพเป็นงานอดิเรก ไม่ใช่ Vlogger กล้อง Canon G5X II ช่วงซูมของเลนส์ที่ระยะ 24-120mm F1.8-2.8 ซึ่งยาวกว่า Canon G7X III เล็กน้อย Canon G5X II ไม่มีช่องเสียบไมโครโฟนภายนอก ซึ่งถ้ามีมันก็ย่อมดีแน่ แต่ก็ไม่ใช่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับผม และ Canon G7X III มันไม่มี Viewfinder ซึ่งผมเห็นว่ามันจำเป็นสำหรับการถ่ายภาพกลางแจ้ง  ต่อมา หากเทียบกับ Sony RX100 VII ซึ่งผมไปทดลองที่ร้านก็ยอมรับว่ามันดีจริง โดยเฉพาะระบบโฟกัสแบบ Phase detection การจับโฟกัสหน้าคนของ Sony RX100 VII จุดโฟกัสเล็งไปที่ตา ซึ่ง Canon ทั้ง 2 รุ่น สู้เขาไม่ได้จริงๆ ในประเด็นนี้ แม้ Sony RX100 VII ไม่มี Grip จับถือไม่สะดวก แต่ก็สามารถแก้ปัญหานี้ได้โดยหาซื้อ Grip มาติดเอา ในขณะที่ Canon G5X II มี Grip สวยงามบนตัวกล้องอยู่แล้ว การจับถือจึงสะดวกกว่ามาก โดยเฉพาะ Canon มีส่วนที่คล้ายเงี่ยงด้านหลังกล้องด้านบนขวา ทำให้วางนิ้วโป้งหลังกล้องช่วยให้จับกล้องได้กระชับยิ่งขึ้น และการถ่ายในที่แสงน้อย Canon G5X II ทำได้ดีกว่าเพราะรูรับแสงอยู่ที่ F1.8-2.8 ในขณะที่ Sony ระยะซูมยาวกว่าเยอะก็จริง ที่ 24-200mm แต่ F2.8-4.5 ดังนั้น การถ่ายภาพในที่แสงน้อย Canon ดีกว่าแน่นอน  Canon G5X II ยังมี ND Filter ในตัวอีกด้วย สำหรับปุ่มต่างๆ หลังกล้อง ทดลองดูแล้วผมรู้สึกว่ากล้อง Canon ปรับสะดวกกว่า อาจเป็นเพราะกล้อง Sony มีขนาดเล็กกว่า กล้องทั้งคู่มีแฟลชในตัว รวมทั้ง Viewfinder แต่ Viewfinder ของ Sony ดีกว่า คือ กดปุ่มเปิดก็ใช้งานได้ทันที ในขณะที่ Canon กดปุ่มเปิดแล้ว ยังต้องดึงส่วนหลังของ Viewfinder ออกมา พูดง่ายๆ คือ 2 จังหวะ แถมตอนใช้งานถ้าไม่ระวัง คิ้วไปดันส่วนหลังของ Viewfinder กลับเข้าไป ก็ต้องคอยดึงมันออกมาอีก สุดท้ายเรื่องราคา กล้อง Sony RX100 VII ราคา 3 หมื่นกว่าบาทนี่ ผมเห็นมันสูงเกินไปสำหรับกล้อง Compact ตัวเล็กๆ ด้วยเหตุผลหลายประการตามที่กล่าวมา ผมจึงไม่เลือกตัวนี้

 

Canon G5X II ไม่ใช่กล้องที่สมบูรณ์แบบ และมันก็ไม่น่าจะมีกล้องอะไรที่สมบูรณ์แบบ ใครจะชอบแบบใดก็แล้วแต่ตัวบุคคล แต่สำหรับผมถือว่ามันโอเคแล้ว กล้อง Compact ตัวเล็ก (แม้ผมจะทำให้ลักษณะทางกายภาพของเลนส์มายาวขึ้นกว่าเดิมราว 1 ซม. ด้วยการติดอุปกรณ์สำหรับใส่ฟิลเตอร์ และใช้ฝาปิดเลนส์ได้) มีคุณภาพไฟล์ถือว่าดีทีเดียว สามารถพกพาติดตัวไปได้ง่ายๆ โดยส่วนตัวผมไม่นิยมเอากล้องใส่ในกระเป๋ากางเกง เพราะกลัวเรื่องฝุ่นหรือผงในกระเป๋ากางเกงจะเข้า Sensor ผมจะใส่กล้องไว้ในกระเป๋าเล็กๆ ที่เหน็บกับเข็มขัดได้ ในชีวิตประจำวันก็พกกล้องรุ่นนี้ติดตัวได้ตลอด ไม่จำเป็นต้องใช้กล้องใหญ่อย่างเช่น กล้องโอลิมปัส OM-1 ที่ผมมี เว้นแต่ตอนตั้งใจจะไปถ่ายอะไรแบบจริงๆจังๆ เท่านั้น

 

ภาพตัวอย่างด้านล่าง เป็นภาพ Jpeg หลังกล้อง ไม่ได้ปรับแต่งเพิ่มเติมอะไรมาก เพียงแต่ดึงปรับ Level เล็กน้อย และใช้ Unsharp mask เล็กน้อยเช่นกัน หลังจากลดขนาด Resolution ของภาพจาก 5472X3648 เป็น 1200X800 ทุกภาพใช้ Picture style แบบ Standard