บทความนี้เป็นบทความที่เน้นเฉพาะมือใหม่ผู้ใช้กล้อง Insta360 ONE RS โดยโฟกัสไปที่ระบบเมนูของรุ่น ONE RS 1-Inch Edition เป็นหลัก อย่างไรก็ดี ระบบเมนูของรุ่นนี้ก็ไม่ได้แตกต่างมากนักกับระบบเมนูของกล้อง Insta360 ONE RS รุ่นอื่น เช่น รุ่น ONE RS Twin Edition ซึ่งมีเลนส์ 4K Boost กับเลนส์ 360 องศา แต่ก็มีความแตกต่างไปบ้างก็เรื่องรายละเอียดบางประการ เช่น Resolution ของภาพถ่ายและวิดีโอ คุณสมบัติในส่วนของ Audio และ ISO เรื่องของฟังก์ชั่น Bullet Time สำหรับเลนส์ 360 องศา เป็นต้น
ระบบสีของไฟแสดงการใช้งานของกล้อง
ไฟแสดงการใช้งานของกล้อง (Indicator Light) ซึ่งในระบบเมนูใน Touch Screen เราสามารถกำหนดให้มันแสดงหรือไม่ Indicator Light ก็ได้ แต่การให้มันแสดงน่าจะมีประโยชน์มากกว่า โดยที่จอ Touch Screen มันเล็กมาก การมีไฟแสดงย่อมสังเกตเห็นได้ชัดเจนกว่าว่ากล้องอยู่ในสถานะใด ทั้งนี้ มีรายละเอียด คือ
ไฟสีไซแอน (Cyan) – กล้องอยู่ในสถานะ Standby
ไฟสีแดง – กล้องปิดและอยู่ระหว่างการชาร์จ
ไฟไม่แสดง – กล้องปิดและชาร์จไฟเต็มแล้ว
ไฟสีแดงกระพริบ – กล้องกำลังบันทึกวิดีโอ
ไฟสีน้ำเงิน – เมื่อกดปุ่ม Power เปิดกล้อง
ไฟสีน้ำเงิน – กล้องกำลัง update firmware
ไฟสีนำ้เงินกระพริบ – กล้องอยู่ในโหมด U-disk
ไฟสีน้ำเงินกระพริบ – การ์ดหน่วยความจำมีปัญหา/ไม่ได้ใส่การ์ด/การ์ดเต็ม
ไฟสีเขียว –กล้องอยู่ในโหมด WebCam
ข้อสังเกต Indicator Light ในบางฟังก์ชั่นไฟมันแสดงเหมือนกัน ผู้ใช้ก็ต้องใช้ความสังเกตสักนิดหนึ่งว่ามันเป็นอะไรกันแน่ เรากำลังใช้งานกล้องอยู่ในขั้นตอนใด
การใช้งาน Touch Screen
เป็นวิธีการเข้าถึงระบบเมนูและค่าต่างๆ ของกล้อง
เอานิ้วแตะ Touch screen ลากลง เปิดเมนู Shortcut เพื่อการตั้งค่าต่างๆ
เอานิ้วแตะตรงกลาง Touch screen ลากซ้าย-ขวา เพื่อเลือก Shooting mode คือ โหมดการถ่าย เช่น ถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ ถ่าย Time-lapse เป็นต้น
เอานิ้วแตะที่ด้านล่างของ Touch screen เพื่อเปลี่ยนแปลงค่าตัวแปร (Parameter) ของการถ่ายภาพ/ถ่ายวิดีโอ เช่น Resolution, Frame rate, FlowState stabilization ในโหมดวิดีโอ
เอานิ้วแตะที่ขอบด้านขวาของ Touch screen แล้วลากไปยังกลางจอ เพื่อเลือกโหมดการถ่ายระหว่าง Auto กับ Manual
Quick Menu เอานิ้วแต่ที่ปุ่มแดงตัวไอคอน Q กับไอคอนแว่นขยายเพื่อเข้า Preset shooting mode และฟังก์ชั่น Zoom in/out ตามลำดับ
ระบบเมนู
ระบบเมนูเป็นรายละเอียดต่อจากวิธีการเข้าถึงระบบเมนูของกล้อง โดยจะอธิบายสั้นๆ ของเมนูและเมนูย่อยแต่ละตัว
-เมนู Shortcut
เมนูนี้ หน้าจอจะถูกแบ่งออกเป็น 3 หน้า โดยการแสดงจุด 3 จุด การจะเข้าหน้า 2 และ 3 ก็เพียงแค่ใช้นิ้วเลื่อนปัดไปทางซ้ายของจอเท่านั้น เมนูจะแสดงในรูปของ Icon ประกอบด้วย
หน้าที่ 1
– Brightness เพื่อปรับความสว่างของจอ Touch screen
– Touch screen lock on/off เพื่อเปิดการล็อคหน้าจอ ปกติก็ใช้งานเป็นระยะเวลาชั่วคราว เช่น ในเวลาถ่ายใต้น้ำ หรือใช้เพื่อป้องกันการเผลอไปแตะหน้าจอทำให้การตั้งค่าเปลี่ยนไป
– Stabilization Level กำหนดระดับการกันสั่น เริ่มตั้งแต่ Low, Standard และ High ระดับยิ่งสูง การ preview ภาพบนจอ Touch screen ก็จะยิ่ง delay มากขึ้น เพราะกล้องต้องใช้เวลาในการ process ภาพมากขึ้น แต่ก็ไม่มีผลอะไรต่อภาพที่บันทึกไว้ ถ้าหากใช้งานกล้องกับขาตั้งกล้อง ก็ควรเลือก Low
– LED on/off เป็นการเปิด/ปิดไปแสดงสถานะการใช้งานของกล้อง ปกติโดยทั่วไปเราก็เปิดไว้ เพราะจอ Touch screen มันเล็ก มีไฟแสดงสถานะก็ช่วยให้เรารู้ว่ากล้องกำลังทำงานอะไรอยู่ ยกเว้นในบางสถานะการณ์เราอาจจะเลือกปิดไปเสีย
หน้าที่ 2
– Grid กำหนดให้ Touch Screen เปิด/ปิดการแสดงตาราง Grid เพื่อช่วยในเรื่องการจัดภาพ คือ เรื่องของ composition
– Screen rotation การเปิดเพื่อให้กล้องแสดงภาพใน Touch screen ตามลักษณะการวางกล้องในแนวนอน/แนวตั้ง ถ้าใช้คำสั่ง Lock rotation ภาพในกล้องก็จะไม่หมุนเปลี่ยนแนวนอน/แนวตั้ง ไปตามการหมุนของกล้อง
– Voice control การเปิดฟังก์ชั่นการสั่งงานด้วยเสียง เช่น Take a photo/Start recording/Stop recording/Shutdown camera ถ้าไปพูดสั่งการในสถานที่มีเสียงดังรอบข้างรบกวนมาก เช่น ข้างถนน หรือในสถานที่ที่มีเสียงดังรอบข้าง บางทีกล้องมันจะจับคำสั่งไม่ได้
– Quick capture ถ้าเปิด On หมายความว่าในระหว่างกล้องปิดอยู่ ถ้ากดปุ่ม Shutter กล้องก็จะทำการบันทึกภาพให้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องกดเปิดปุ่ม Power ก่อน ถ้า Off มันก็เหมือนกล้องปกติ คือ จะใช้งานก็ต้องกดเปิดปุ่ม Power แล้วถึงจะไปกดปุ่ม Shutter เพื่อถ่ายภาพหรือวิดีโอ แต่บางคนอาจคิดลึก โดยเฉพาะการเก็บกล้องกับอุปกรณ์อื่นๆ ในกระเป๋ากล้องร่วมกับอุปกรณ์อื่น เกิดมีของอะไรไปกดทับปุ่ม Shutter กล้องอาจบันทึกภาพทันทีโดยเราไม่รู้ตัว ก็เป็นไปได้ครับ
หน้าที่ 3
– Settings เมนูการตั้งค่าอยู่ในเมนูหน้าที่ 3 ประกอบด้วยเมนูย่อย ดังต่อไปนี้
– General ไอคอนเป็นรูปฟันเฟือน มีเมนูตั้งค่าย่อยลงไปอีกชั้น คือ
– USB Mode เลือกได้ตั้งแต่ U-Disk Mode, WebCam, Quick reader ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับถ่ายโอนไฟล์ และ Android เพื่อเชื่อมต่อกล้องกับโทรศัพท์มือถือ Android ผ่านสาย Micro-USB หรือ Type-C
– Prompt Sound เลือกเปิด/ปิดเสียงได้ ถ้าเปิด Prompt Sound เมื่อกดปุ่ม Power กล้องจะมีเสียง
– Bluetooth Wakeup ถ้าเปิดทำงาน สามารถใช้ App สั่งให้กล้องทำงานได้ หรือใข้เป็น Bluetooth remote ได้
– Webcam Zoom เปิด-ปิดซูมระหว่างใช้งาน Webcam
– Auto Power Off ตั้งเวลาปิดเครื่องหลังจากไม่ได้ใช้งาน มีตั้งแต่ 3 นาที 5 นาที 15 นาที และ Never คือ ไม่ต้องปิดเครื่อง
– Sharpness เลือกได้ตั้งแต่ Low, Medium, High, Very High ถ้าใครถนัดใช้งานในโปรแกรมตัดต่อวิดีโอในคอมพิวเตอร์ เลือก Low ก็น่าจะพอ เพราะเราสามารถปรับเองได้โปรแกรมตัตต่อ แต่ถ้าต้องการจบหลังกล้องและนำไปโพสต์ใน Social media ทันที ก็คงต้องเลือก Medium หรือ High ก็แล้วแต่ความต้องการ
– Auto-flicker ปกติในประเทศไทยเราเลือก 50Hz ในยุโรปปกติก็ 60Hz แต่กล้องมีตัวเลือก Auto ให้ น่าจะให้กล้องตัดสินใจให้ ถ้ายังไม่ได้ผลก็ลองเลือกดูเอาระหว่าง 50-60Hz
– Language ภาษามีให้เลือกระหว่าง อังกฤษ จีน(ตัวย่อ) ญี่ปุ่น เยอรมัน จีน(ตัวเต็ม) อิตาเลียน เกาหลี ไม่มีภาษาไทย
– Reset Guide รีเซ็ตข้อมูลวิธีใช้งานกล้องเบื้องต้น คือ ถ้าเลือกคำสั่ง confirm กล้องจะมีคำอธิบายสั้นๆ พร้อมรูปแสดงการใช้งานแต่ละเมนูที่เราเข้า ถ้าไม่ต้องการ ก็กดเลือก Cancel
– Gyro Calibration การปรับเทียบค่า Gyro เพื่อปรับทิศทางการแสดงของผล หรือการใช้งานของกล้อง ไม่ว่าเราเอียงกล้องไปทางไหน หน้าจอก็จะสดงปรับให้แสดงผลในทางทิศเดียวกันโดยอัตโนมัติ
– Factory Reset กดเพื่อการกลับไปตั้งค่าเหมือนตอนที่กล้องออกมาจากโรงงาน
– Bluetooth Remote เพื่อเชื่อมต่อกล้องกับ Insta360 GPS Smart Remote ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมของ Insta360
– Wifi Settings เปิด/ปิดไวไฟ หรือจะตั้งค่าเป็น Auto หรือเปิดไว้ตลอดก็ได้เช่นกัน
– AirPods เชื่อมต่อกล้องกับหูฟังไร้สายของ Apple
– Screen Auto Sleep ปิดหน้าจอโดยการตั้งเวลา หรือปิดหน้าจอคือไม่แสดงภาพระหว่างการถ่าย
– Voice Control เลือกคำสั่งเสียงสั่งงานกล้องระหว่างภาษาอังกฤษกับภาษาจีน โดย Voice Command มีคำสั่งที่ใช้งานได้ คือ Take a photo, Start recording, Stop recording, Mark That และ Shutdown Camera เป็นคำสั่งที่โดยส่วนตัวผมชอบ เพราะไม่ต้องไปกดปุ่มอะไรให้วุ่นวาย เพียงแต่บางครั้งอาจมีปัญหาบ้าง โดยเฉพาะการพูดออกคำสั่งเวลาอยู่ในขณะที่มีเสียงรอบข้างดังรบกวน
– Audio Mode มีตัวเลือก คือ Wind Reduction คือ ลดเสียงลมเมื่อถ่ายกลางแจ้ง Directional Enhancement และเสียง Stereo
– SD Card เลือกเพื่อ format SD Card
– Camera Info แสดงข้อมูลของกล้อง เช่น หมายเลขเครื่อง Firmware เวอร์ชั่นใด ไวไฟ เวอร์ชั่น เป็นต้น
– Shooting Mode
โหมดการถ่ายนี้ ตามที่ระบุไว้ตอนต้นบทความ เอานิ้วแตะตรงกลาง Touch screen ลากซ้าย-ขวา เพื่อเลือก Shooting mode 12 โหมด โดยแสดงเป็นรูปไอคอน ดังภาพด้านล่างที่แสดงไว้บางส่วน
การใช้งาน Shooting Mode นั้น มีความสัมพันธ์กับ Parameter คือ ต้องตั้งค่า Parameter สำหรับแต่ละ Shooting Mode โดยการเอานิ้วแตะที่ข้อความแสดง Parameter ตรงด้านล่างของ Touch screen จึงขอกล่าวถึง Parameter ในห้วข้อนี้ร่วมกันไปด้วยทีเดียว
ก่อนอื่น ต้องเข้าใจก่อนว่าที่ Shooting Mode แบ่งออกเป็น 12 โหมด นั้น ระบบเมนูได้แบ่งเป็นโหมดถ่ายภาพไว้ 6 โหมด และโหมดถ่ายวิดีโอ 6 โหมด เช่นกัน รวมเป็น 12 โหมด โหมดถ่ายภาพเริ่มตั้งแต่โหมดที่ 1-6 และโหมดถ่ายวิดีโอเริ่มตั้งแต่โหมดที่ 7-12 สรุปแต่ละโหมดด้านล่าง จึงขอเริ่มตั้งแต่โหมดที่ 1 เป็นต้นไป
– Burst ถ่ายภาพต่อเนื่อง โดยเลือกถ่ายภาพขนาด 16-19MP (16:9 – 3:2) สามารถเลือก Timer คือ Off 3-5-10-15 วินาที
– Starlapse ถ่ายภาพ Starlapse เลือกขนาดภาพตั้งแต่ 16-13MP (16:9 – 3:2) และระยะเวลาการถ่ายทุกๆ 3-5-10-30-60-120 วินาที
– Night การถ่ายภาพตอนกลางคืนหรือยามโพล้เพล้ ขนาดภาพที่ 16-19MP (16:9 – 3:2) สามารถเลือก Timer คือ Off 3-5-10-15 วินาที
– Interval คล้ายกับ Timelapse แต่ถือว่า Advance กว่า เลือกขนาดภาพตั้งแต่ 16-19MP (16:9 – 3:2) และตั้งเวลาถ่ายได้ที่ทุก 3-5-10-30-60 และ 120 วินาที
– HDR Photo โหมดการถ่ายภาพแบบ HDR (High Dynamic Range) คือ จะทำให้ภาพมี Dynamic Range กว้างขึ้น ทำให้มีรายละเอียดเพิ่มขึ้นในส่วนของ Highlight กับ Shadow
– Photo การทำงานก็คล้ายคลึงกับโหมดถ่ายวิดีโอ แตะเลือก Parameter คือ ค่าตัวแปรของภาพที่จะถ่ายตรงด้านล่างของจอ ได้แก่ Resolution นอกจากนี้ ยังเลือกการตั้ง Timer ของกล้องได้ เริ่มตั้งแต่ 3/5/10 วินาที หรือจะปิด Timer ก็ได้ นอกจากนี้ เราต้องเลือก File format ซึ่งจะเลือกไฟล์ได้ 3 แบบ คือ Jpeg, Jpeg+RAW คือ Jpeg+dng และ Pureshot ซึ่งเป็น Proprietary file format ของ Insta360
– Video ถือว่าเป็นโหมดหลักของกล้อง สำหรับเลนส์ 1 นิ้ว Edition นี้ ไม่มีโหมดถ่าย Video HDR เหมือนเลนส์ตัวอื่น สำหรับ Parameter คือ ค่าตัวแปรของภาพที่จะถ่ายตรงด้านล่างของจอ ใช้เพื่อปรับค่าวิดีโอที่เราจะถ่าย ซึ่งจะมีรายละเอียดการปรับค่า เริ่มตั้งแต่ต้องเลือก Flowstate หรือ Post หลังจากนั้น ให้เลือก Aspect Ratio/Resolution ของวิดีโอ สุดท้ายคือ เลือก Shutter Speed ดังภาพด้านล่าง
Flowstate Stabilization เป็นการปรับกันสั่นของวีดีโอ เหมาะสำหรับการใช้งานเสร็จหลังกล้อง ส่วน Post คือ Post Processing ต้องเอาไฟล์วิดิโอไปทำต่อในโปรแกรม Insta36O Studio ในมือถือหรือในคอมพิวเตอร์
บางครั้งก็อาจไปต่ออีกชั้นหนึ่งในโปรแกรมตัดต่อหรือเกรดสีบนเดสก์ท็อป เนื่องจากโปรแกรมปรับแต่งวิดีโอ Insta360 Studio มันมีฟังก์ชั่นการปรับแต่งสี ลด Noise และฟังก์ชั่นอื่นๆ ที่อยู่ในระดับที่เทียบไม่ได้กับโปรแกรมบนเดสก์ท็อป อย่างเช่น DaVinci Resolve หรือ Premiere Pro
Horizon Lock
เป็นอีกหัวข้อหนึ่งที่ต่อเนื่องมาจากการถ่ายวิดีโอแบบ Post ซึ่ง Horizon Lock จะกำหนดให้เส้นระนาบขอบฟ้าไม่เอียง แม้เราจะถือกล้องเอียงไปบ้าง จริงๆ มันก็มีกันสั่นอยู่ในตัวด้วย ข้อสำคัญ 2 ประการ หากต้องการใช้ Horizon Lock จะต้องเลือก Post เท่านั้น ถ้าใช้โหมด Flowstate จะใช้ Horizon Lock ไม่ได้ และต้องใช้ Frame rate ที่ 30fps ไอคอน Horizon Lock จึงจะปรากฏให้เห็นที่หน้าจอ Touch screen ดังภาพด้านล่าง ทั้งนี้ จะต้องนำไฟล์วิดีโอไปปรับใช้ฟังก์ชั่น Horizon Lock ผ่านโปรแกรม Insta360 Studio เท่านั้น
สำหรับการถ่ายวิดีโอและรวมถึงถ่ายภาพด้วยนั้น เราเลือกได้ทั้งแบบ Auto และ Manual จะแยกเขียนเป็นอีกหัวข้อหนึ่งด้านล่างต่างหาก ซึ่งมีความสัมพันธ์กับทั้ง Shooting Mode, Parameter และ Auto กับ Manual แบบแยกไม่ออก ทั้ง 3 ส่วน
– Timelapse การถ่ายภาพนิ่งแล้วนำมารวมกันเป็นวิดีโอ โหมดTimelapse มีตัวเลือกให้กล้องถ่ายภาพตั้งแต่ทุก 0.5 วินาที – 120 วินาที
– TimeShift การถ่ายวิดีโอแบบเร่งเวลาหรือเร่ง Speed โหมด TimeShift มีตัวเลือกเดียว คือ การถ่าย 5.3K (16:9) 30fps
– Slow Motion การถ่ายวิดีโอแบบสโลว์โมชั่น มีเพียงตัวเลือกเดียว คือ ถ่ายวิดีโอ 1080p ที่ 1920×1080 ที่ 120fps แต่ข้อเท็จจริงแล้ว เราถ่ายวิดีโอ Flowstate 4K ที่ 60fps แล้วไปลด Speed การเล่นลงในโปรแกรมตัดต่อวิดีโอ มันก็จะเป็นวิดีโอที่สโลว์ลงแล้ว เพียงแต่มันไม่ช้าเท่ากับความเร็วที่ 120fps
– Loop Recording การถ่ายวิดีโอแบบบันทึกเฟรมไว้ล่วงหน้า เลือกได้ทั้งแบบ Flowstate และ Post เลือกค่า fps ได้ และเลือกนาทีได้ตั้งแต่ 1-3-5-10-15-20-25-30 นาที
– Widescreen Mode การถ่ายวิดีโอแบบมุมกว้างที่ 5.4K เลือก Frame rate ที่ 24/25/30fps
– เลือกโหมดถ่าย Auto และ Manual
การเลือกโหมดถ่าย (Shooting mode) ไม่ว่าถ่ายวิดีโอ หรือถ่ายภาพ สามารถตั้งค่าการถ่ายแบบ Auto หรือแบบ Manual ก็ได้ตามแต่จะต้องการ วิธีการก็แค่เอานิ้วแตะที่ขอบด้านขวาของ Touch screen แล้วลากมาหยุดตรงกลางจอ Touch screen
ในส่วนของการถ่ายวิดีโอ นั้น กล้องจะตั้งค่าอัตโนมัติให้เกือบหมด แต่ก็ยังอนุญาตให้ปรับค่าบางตัวได้ คือ Color การปรับสีเราสามารถปรับสีได้เป็น Vivid, Standard และ Log ซึ่ง Log เหมาะสำหรับไปปรับสีเอง หรือ Color grading ในโปรแกรมวิดีโอ นอกจากนี้ เรายังสามารถปรับค่า EV หรือ Exposure Value คือ การชดเชยแสง ค่าสุดท้ายในโหมดถ่ายแบบ Auto ที่สามารถปรับได้คือ WB หรือ White Balance
ส่วนของการถ่ายภาพนั้น การถ่ายแบบ Auto กล้องจะตั้งค่าอัตโนมัติให้เกือบหมด แต่ก็ยังปรับค่าบางตัวได้ คือ ค่า EV เหมือนในโหมดวิดีโอ รวมถึงการปรับ WB ได้ด้วยเช่นกัน
– Quick Menu
ที่จอ Touch screen ด้านขวา มีลูกศรสีแดงกับไอคอนอักษร Q อยู่ด้านบน และปุ่มลูกศรสีแดงกับไอคอนแว่นขยาย อยู่ด้านล่าง เรากดตรงลูกศรตัวบน คือ ด้านซ้ายของไอคอน Q เพื่อเข้า Preset shooting mode คือ โหมดการถ่ายที่เราตั้งค่าไว้เรียบร้อยแล้ว ประโยชน์คือ การปรับโหมดที่เราต้องการจะใช้งานแล้วกำหนดให้เป็น preset ไว้ เวลาเรียกใช้งานมันจะสะดวก ไม่ต้องไปปรับอะไรเพิ่มเติม หรือจะปรับเพิ่มเติมก็ทำเพียงเล็กน้อย เช่น ตั้งค่า C1 (C คือ Customize) เป็นการถ่ายวิดีโอที่ Frame rate 60 แล้วตั้งค่า C2 ที่ Frame rate 30 เป็นต้น
ส่วนปุ่มไอคอนลูกศรสีแดงด้านล่าง จะมีฟังก์ชั่น Zoom in/out ให้เราเลือก จริงๆ แล้ว มันไม่ใช่ Optical Zoom แต่เป็น Digital Zoom ก็คือการ crop ภาพ เท่านั้นเอง การจะให้คุณภาพมันไม่ลดลงไปมากนัก ก็ควรถ่ายโดยใช้ Resolution ที่สูงสุดเท่าที่จะใช้ได้ การใช้ฟังก์ชั่นนี้ กล้องจะแสดงค่าของเลนส์ว่าถูก crop เป็นระยะกี่มิลลิเมตร คือ ตั้งแต่ 17-50mm หากเทียบกับกล้อง Full frame
ตารางสรุป Shooting Mode กล้อง Insta360 ONE RS 1-Inch Edition
โหมดถ่ายภาพ |
โหมดถ่ายวิดีโอ |
Standard |
Standard |
Nightshot |
5.4k Widescreen |
Starlapse |
Timelapse |
Interval |
TimeShift |
|
Slow motion |
|
Loop Recording |
ตารางสรุปค่าตัวแปรโหมดถ่ายภาพ กล้อง Insta360 ONE RS 1-Inch Edition
โหมดถ่ายภาพ |
Aspect Ratio & Resolution |
Standard/HDR/Burst Starlapse/Nightshot/Interval |
3:2 5312×3552 และ 16:9 5312×2988 |
ตารางสรุปค่าตัวแปรโหมดถ่ายวิดีโอ กล้อง Insta360 ONE RS 1-Inch Edition
Video – Flowstate |
4K 3840×2160 @60/50/30/25/24fps 2.7K 2720×1530 @60/50/30/25/24fps 1080P 1920×1080 @60/50/30/25/24fps |
Video – Post |
5.3K 5312×2988 @30/25/24fps |
Slow Motion |
1080P 1920×1080 @120fps |
Timelapse |
5.3K 5312×2988 @30fps |
TimeShift |
4K 3840×2160 @30fps |
Loop Recording -Flowstate |
4K 3840×2160 @60/50/30/25/24fps 2.7K 2720×1530 @60/50/30/25/24fps 1080P 1920×1080 @60/50/30/25/24fps |
Loop Recording -Post |
5.3K 5312×2988 @30/25/24fps |
5.4K Widescreen |
5.4K 5472×2328 @30/25/24fps |
สุดท้าย ระบบเมนูกล้อง Insta360 ORS RS จะว่าไป มันก็ซับซ้อนพอสมควรสำหรับคนใช้มือใหม่ อย่างน้อยการเขียนบทความนี้ขึ้นมา ก็น่าจะช่วยได้มากในเรื่องของการจัดวางระบบเมนูของกล้องรุ่นนี้ รวมทั้งเลนส์โมดูลรุ่นอื่นด้วยของ ONE RS เพื่อให้สามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว และเข้าใจระบบค่าต่างๆ ว่ามันหมายถึงอะไร หวังว่าจะมีประโยชน์บ้างกับผู้อ่านผู้สนใจโดยเฉพาะผู้เริ่มต้นใช้งานกล้องรุ่นนี้